การทำวิจัยหลายครั้งที่เกิดข้อผิดพลาดในการทำวิจัยซึ่งบางจุดอาจเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นเพื่อให้การทำงานวิจัยออกมาอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทำงานไม่สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ข้อมูลงานวิจัยของประเทศไทยไม่มีสนับสนุน กรอบแนวคิดงานวิจัยไม่ตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ หรือการใช้สถิติที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์การวิจัย จนทำให้เนื้อหางานไม่สอดคล้องกันทั้งเล่ม
อาจจะเนื่องมาจากผู้วิจัย มีภาระหน้าที่ครอบครัวที่ต้องดูแล ขาดประสบการณ์ ไม่มีเวลาเต็มที่ และต้องทำงานพร้อมกับการศึกษาไปด้วย
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นบทเรียนในงานทำวิจัย เนื่องจากการทำงานวิจัยอย่างมืออาชีพนั้น เนื้อหาความเป็นมาและความสำคัญ ตลอดจนสภาพปัญหา วัตถุประสงค์การวิจัย ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เครื่องมือการวิจัย รวมถึงสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ต้องมีการกล่าวสอดรับกันทั้งเล่ม
ซึ่งบางครั้งคุณไม่สามารถเรียงความสำคัญก่อนหลังได้ จึงไม่สามารถทำงานวิจัยให้มีประสิทธิภาพได้ ก่อให้เกิดข้อผิดพลาดหลายจุดที่ท่านอาจารย์พบเจอในการตรวจบ่อยครั้ง
บทความนี้ ขอนำคุณเข้าสู่การจัดการข้อผิดพลาด พร้อมบอกแนวทางแก้ไขข้อผิดพลาดในการทำวิจัยอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ได้งานวิจัยที่มีคุณภาพ ในการนำไปใช้ประโยชน์ในทางการพัฒนาสถาบันการศึกษา และการพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพต่อไป
ข้อผิดพลาดที่พบประจำ
1. การทำวิจัยไม่สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
จากที่กล่าวข้างต้น ผู้วิจัยอาจมีปัญหาหลายอย่าง ที่ต้องรับภาระในการรับผิดชอบ และหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นภาระจากทางครอบครัวหรืองานประจำ การจัดสรรเวลาที่ไม่ลงตัว ความล่าช้าของการเบิกจ่ายงบประมาณ ความไม่ชำนาญในการทำวิจัยในเรื่องที่ได้รับ ความทันสมัยของอุปกรณ์ในการทำงานวิจัย สถานที่ในการทำงานวิจัยมีไม่เพียงพอ ตลอดจนการหาผู้ช่วยทำวิจัยที่ไม่มีคุณภาพมาช่วยงาน ด้วยปัญหาดังกล่าวทำให้ขาดความต่อเนื่องในการทำงานและทำงานไม่สำเร็จตามระยะเวลที่กำหนด
2. ข้อมูลงานวิจัยของประเทศไทยไม่มีสนับสนุน
เนื่องจากการทำวิจัยเป็นการศึกษา ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ปัญหาที่เกิดข้อผิดพลาดในการทำวิจัย คือปัญหาของระบบฐานข้อมูลงานวิจัยของประเทศไทยที่ไม่มีการสนับสนุนข้อมูลในงานวิจัยนั้น
เพราะฐานข้อมูลที่มีในปัจจุบันอาจยังมีการรวบรวมงานวิจัยจากแหล่งต่างๆ ได้ไม่ครอบคลุม และไม่เพียงพอต่อความต้องการของการทำงานวิจัย เช่น ฐานข้อมูล ThaiResearch ที่ยังขาดความครอบคลุมงานวิจัยที่ได้รับทุนจากสถาบันการศึกษา วิทยานิพนธ์ และวารสารวิชาการจากสมาคมวิชาชีพต่างๆ อีกทั้งการเข้าถึงงานวิจัยฉบับเต็ม ยังทำได้ไม่มากพอต่อความต้องการของข้อมูลวิจัย เป็นต้น
3. กรอบแนวความคิดไม่ตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ข้อผิดพลาดจากกรอบแนวความคิดการวิจัยไม่ชัดเจนนี้ เป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงมาก เนื่องจากกรอบแนวความคิดเปรียบเสมือนเข็มทิศในการเดินทาง หากกรอบแนวความคิดผิด การเดินทางของกระบวนการในการทำงานวิจัยของคุณอาจจะหลงประเด็นด้วยเช่นกัน
เนื่องจากไม่สามารถวิเคราะห์ผลการศึกษาให้ตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการทำวิจัย ได้ เช่น ทำให้ศึกษาข้อมูล ทบทวนเอกสาร และหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
4. ใช้สถิติที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์การวิจัย
ในการทำวิจัยการวิเคราะห์สถิติอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับ เนื่องจากไม่มีความรู้พื้นฐานทางด้านสถิติ รวมถึงไม่เข้าใจการใช้โปรแกรม SPSS ซึ่งปัญหาที่ทางบริษัทพบเจอบ่อยครั้ง คงหนีไม่พ้น การใช้สถิติที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์
เนื่องจากการใช้สถิติที่ถูกต้องจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเผยความจริงของข้อมูล เช่น ต้องการทราบว่าเพศ ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน หรือไม่ หากผู้วิจัยใช้สถิติในการทดสอบผิด ผลจะออกมาผิดเพี้ยนไม่ตรงตามที่ต้องการได้ เช่นกัน
5. เนื้อหางานไม่สอดคล้องกันทั้งเล่ม
จากปัญหาข้อ 1-4 ที่กล่าวมานั้นส่งผลให้เนื้อหางานวิจัยทั้งเล่มไม่สอดคล้องกัน ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องทำให้งานวิจัยไม่สมบูรณ์ และไม่ถูกต้องตรงกับเนื้อหาที่ต้องการในงานวิจัย จนต้องรื้องานใหม่ทั้งเล่ม ส่งผลให้เสียเวลา ส่งงานไม่ทัน หรืออาจร้ายแรงไปถึงไม่จบการศึกษาพร้อมเพื่อนร่วมห้องก็เป็นได้
แนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม
1. การทำวิจัยไม่สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
จากข้อผิดพลาดในการทำวิจัยไม่เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด คุณควรมีการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบอาจจะมีสมุดบันทึกรายละเอียดการทำงาน
โดยจะมีการจดวันที่รับงาน วันส่งงาน รายละเอียดงานที่ต้องทำมีอะไรบ้าง และจัดลำดับความสำคัญของงานโดยใช้แถบสีช่วย เช่น
งานด่วนใช้แถบสีแดง
งานเร่งปานกลางใช้แถบสีส้ม
งานไม่รีบใช้แถบสีเหลือง
นอกจากนั้นอาจใช้โปรแกรมที่มีฟีเจอร์ หรือฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้สะดวกเข้ามาช่วยในการจัดระเบียบเพื่อใช้ในการกำหนดระยะเวลา เช่น โปรแกรม Excel เพื่อให้คุณสังเกตได้ง่ายขึ้น โดยมีรายละเอียดดังรูป
2. ข้อมูลของประเทศไทยไม่มีสนับสนุน
จากปัญหาของระบบฐานข้อมูลงานวิจัยของประเทศไทย ที่มีการสนับสนุนข้อมูลงานวิจัยที่ไม่เพียงพอนั้น เป็นปัญหาที่คุณคงเครียดมากพอสมควร ในการทำงานวิจัยต่อไป เนื่องจากการไม่มีงานวิจัยมาสนับสนุน จะทำให้งานวิจัยดูไม่เชื่อถือ ฐานข้อมูลออนไลน์งานวิจัยของต่างประเทศ จึงเป็นแหล่งข้อมูลอีกแหล่งหนึ่ง ที่สามารถนำมาสนับสนุนงานวิจัยของคุณให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้
ดังเช่น ProQuest, ERIC, Science Direct, Google Scholar, Wiley, Sagepub, Emerald Insight, AAP-American Academy of Pediatrics, Annual Reviews Asian Development Bank (Free), CNKI, Communication & Mass Media Complete และ Global Development Finance Online (GDF) เป็นต้น
3. กรอบแนวความคิดไม่ตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
เพื่อให้การทำงานวิจัยสามารถตอบวัตถุประสงค์ได้ กรอบแนวความคิดถือเป็นหัวใจหลักในการทำงานวิจัยเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ผิดพลาดขึ้น แนวทางแก้ไขคคือ ต้องสร้างกรอบแนวความคิดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่จะศึกษา
เช่น คุณต้องการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ สิ่งที่ต้องทำคือ ควรศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ จากแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวกับปัจจัยส่วมประสมทางการตลาดว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการซื้อบ้าง
และหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว เพื่อนำมาสร้างกรอบแนวความคิดที่ตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้นั่นเอง กระบวนการทำวิธีดังกล่าวจะช่วยลดข้อผิดพลาด และทำวิจัยได้อย่างมืออาชีพ
4. ใช้สถิติที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์การวิจัย
จากเหตุการณ์ในการใช้สถิติที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์การวิจัยนั้น ทำให้คุณท้อไม่อยากทำงานวิจัยต่อ เพราะรู้สึกว่าสถิตินั้นยากเกินไปสำหรับตนเอง
ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขผู้วิจัยต้องทราบก่อนว่าวัตถุประสงค์ต้องการอะไร ตัวแปรในแบบสอบถามเป็นอย่างไร ลักษณะแบบสอบถามดังกล่าวต้องใช้สถิติแบบไหน เช่น ปัญหาด้านบนได้กล่าวไว้ว่าต้องการทราบว่าเพศ ที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน หรือไม่ ผู้วิจัยต้องวิเคราะห์แบบสอบถามก่อนว่าเพศเป็นตัวแปรต้น ที่เป็นอิสระต่อกันระหว่างชาย และหญิง
ซึ่งข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติ กล่าวไว้ว่า หากตัวแปรต้นที่มีความเป็นอิสระต่อกัน 2 กลุ่ม เช่น เพศชาย 1 กลุ่ม เพศหญิง 1 กลุ่ม ให้ใช้สถิติ t-test หากมากกว่า 2 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น อายุ ระดับการศึกษา หรือรายได้เฉลี่ย ให้ใช้ One Way ANOVA เป็นต้น
ดังนั้นการที่จะตอบคำถามว่าเพศจะส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงานหรือไม่นั้นคงหนีไม่พ้นที่จะใช้สถิติ t-test ในการตอบวัตถุประสงค์การวิจัยข้อนี้นั่นเอง จึงขอสรุปเป็นภาพไว้ดังนี้
5. เนื้อหางานไม่สอดคล้องกันทั้งเล่ม
สำหรับแนวทางการแก้ไขข้อผิดพลาดในการทำวิจัยไม่สมบูรณ์ จนทำให้เนื้อหางานไม่สอดคล้องกันทั้งเล่ม ควรมุ่งเน้นในการนำเสนอเนื้อหาออกมาในรูปแบบงานวิจัยที่ชัดเจน ให้สอดคล้องกับปัญหาการวิจัย หรือวัตถุประสงค์การวิจัยอย่างถูกต้องที่สุด โดยการเริ่มจากวางแผนก่อนว่าจะศึกษาใคร ที่ไหน อย่างไร และงานวิจัยของท่านสามารถช่วยปัญหานั้นได้หรือไม่ เนื่องจากการวิจัยที่ดีจะต้องช่วยแก้ไขปัญหา และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้นได้
สุดท้ายนี้ การทำวิจัยต้องผ่านกระบวนการที่เป็นระบบ ระเบียบ มีแบบแผน โดยจะต้องผ่านขั้นตอนการนำข้อมูลมาประกอบกัน เพื่อนำมาวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำที่สุด เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวจะช่วยแสดงข้อผิดพลาดขององค์กร ที่ทำให้ผู้ประกอบการหรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทราบปัญหาและสามารถเข้าไปแก้ไขและพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้นได้
ดังนั้น การทำวิจัยจึงต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการค้นหาข้อมูล ซึ่งบางแหล่งข้อมูลมีความซับซ้อน ต้องอาศัยผู้มีประสบการณ์ในการค้นหาข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำวิจัยให้สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้
ช่องทางติดต่อ รับทำวิจัย
Tel: 0924766638
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)